The Glass Palace
Book Review ร้าวรานในวารวัน
"เชิญพวกท่านแลมองรอบ ๆ เถิด ดูให้เต็มตาว่าพวกเราอยู่กันอย่างไร ถูกแล้วเราที่ครั้งหนึ่งเคยปกครองแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในเอเชียและ ตอนนี้กลับตกต่ำถึงเพียงนี้ นี่คือสิ่งที่พวกมันกระทำต่อเรา และเป็นสิ่งที่พวก มันจพกระทำต่อพม่าทั้งมวลเช่นกัน พวกมันพรากอาณาจักรเราไป สัญญาว่าจะสร้างถนน ทางรถไฟ และ ท่าเรือแต่จำคำเราไว้ให้ดี มันจะลงเอยเหมือนเช่นนี้ ในไม่กี่ทศวรรษความ มั่นคัั่งจะสูญสิ้นทั้งอัญมณี ทั้งไม่สัก ทั้งน้ำมัน แล้วเมื่อนั้นพวกมันจะละทิ้ง ไปเช่นกันเราคือพวกแรกที่ถูกจองจำในนามความก้าวหน้าของพวกมันคน อีกนับล้านย่อมตกต้องตามกัน นี่คือสิ่งที่เราทุกคนล้วนต้องประสบนี่คือวิถี ที่เราทุกคนจะลงเอย ในฐานะเชลยกลางสลัมแหล่งโรคระบาด - ปกหลัง"
ร้าวร้านในวารวัน เป็นหนังสือแปลโดย ธีรศักด์ จิรรัตไพโรจ์ จากภาคภาษาอังกฤษเรื่อง The Glass Palace เขียนโดย Amitav Ghosh ความหนาว 624 หน้า ราคา 550 บาท พิมพ์โดยสำนักพิมพ์มติชน มีนาคม 2561
ร้าวร้านในวารวัน เป็นนิยายเรื่องยาวที่เราตัดสินใจซื้อเพราะชื่อ หน้าปก สีสัน ลวดลาย และฟอนต์สวยๆ มีคำเชิญชวนเพียงเล็กน้อยในปกหลังที่อ่านแล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก ส่วนความหนากว่าหกร้อยหน้าไม่ได้สั่นคลอนกำลังใจในการอ่าน แม้ในตอนแรกจะไม่รู้เลยว่าหนังสือเล่มนี้จะเกี่ยวกับอะไร เดาว่าความทรงจำบางอย่าง ซึ่งก็ไม่ผิดนัก
เมื่อเริ่มต้นอ่านร้าวรานในวารวันเพียงแค่หน้าแรก ก็วางลงเสียอย่างนั้น เพราะมีกลิ่นอายประวัติศาสตร์ลอยออกมาจากหน้ากระดาษซึ่งไม่ใช่ความสนใจของเราเลย แต่วันต่อมา หันซ้ายแลขวา ไม่มีหนังสืออะไรให้อ่าน ลองหยิบมาอ่านอีกครั้ง ตั้งสติ ค่อยๆ ทำความรู้จักตัวละคร เปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ ความรู้สึกค่อยๆ ดีขึ้น จับทิศทางสำนวนและชื่อตัวละครได้แล้ว หลังจากนั้นก็เพลินเพริดเตลิดไปกับการบรรยาย ฉาก คำพูด พล็อต และเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งไหลรื่นเรื่อยไปแบบพรั่งพรู ถ้อยคำพรรรณาอันสวยงาม ความนึกคิดตัวละครที่น่าสนใจสมเป็นคนจริงๆ นับว่าเป็นจุดเด่นของนักเขียนท่านนี้ก็ว่าได้
"นี่คืออาณาจักรน้อยๆ ของฉัน อุมา ฉันสร้างมันมากับมือ ฉันเริ่มบุกเบิกผืนป่าแล้วปลุกปั้นให้เป็นอย่างที่อยากจะเป็น เมื่อมันเป็นของฉัน ฉันก็ต้องดูแลมันอย่างดี ต้องมีกฎ มีระเบียบ ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี มองดูมันแล้วเธออาจจะคิดว่าทุกอย่างที่นี่ดูเชื่อง สิ้นฤทธิ์ ทุกส่วนลงตัวอย่างดี แต่เมื่อเธอพยายามให้เครื่องจักรทั้งหมดนี่ทำงาน เธอถึงได้รู้ว่าทุกส่วนของมันพยายามขัดขืน มันไม่เกี่วอะไรกับฉันหรือว่าอะไรถูกอะไรผิดเลย ต่อให้ฉันเปลี่ยนมันเป็นอาณาจักรย่อมๆ ที่ดำเนินการได้ดีที่สุดในโลกแล้ก็ตาม มันก็ยังตอบโต้กลับอยู่ดี - หน้า 270"
ระหว่างอ่านไปก็คิดอยู่ในใจว่าน่าจะมีพื้นฐานมาจากเรื่องจริง เพราะคนเขียนบรรยายทุกอย่างจนเราเห็นภาพรู้สึกเหมือนได้กลิ่นควัน เสียงดังกึกก้องกัมปนาท ความโกลาหล ความงดงาม รู้สึกถึงความมีเลือดเนื้อของตัวละคร การร้อยโยงผูกเชื่อมระหว่างวันและวัยที่ผันผ่านไปอย่างรวดเร็วไม่ต่างจากชีวิตเราในตอนนี้
นิยายชีวิตร้าวรานในวารวันเรื่องนี้เล่าผ่านตัวละครย้อนไปหลายสมัย ฉากเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นทั้งพม่า อินเดีย มาเลเซีย ไทย ร้อยรัดผูกพันกันมายาวนาน สะท้อนความเป็นชนชาติพันธุ์ พี่น้องผองเพื่อน โดยมีตัวละครเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ตามจังหวะชีวิต มีสายใยรักอันเหนียวแน่นและความมุ่งมั่นทะเยอทะยานที่จะมีชีวิตของผู้ชายคนหนึ่งนามราชกุมารผูกโยงทั้งเรื่องไว้
"ตอนนี้ระหว่างบินวนเหนือเมืองที่จะกลายเป็นบ้านของตน เธอถึงตระหนักว่ากำลังมีความรักสุดหัวใจ เขาคือปัจจุบัน คืออนาคต คือทั้งชีวิตที่เหลือ หากปราศจากเขา เวลาและตัวตนก็ไร้ความหมาย เธอสอดมือประสานากับมือเขาพลางก้มมองแม่น้ำขุ่นๆ สายยาวกับยอดแหลมสีทองนั้นอีกครั้ง - หน้า 350"
หัวใจหลักของร้าวรานในวารวันคือการเชิดชูสถาบันครอบครัว ผู้เขียนได้บรรยายและพรรณาให้เห็นเรื่องราวอันหลากหลาย รุ่นสู่รุ่น รากสู่ยอด ผลิดอกออกผล พลัดถิ่น คืนรัง รวมทั้งความมุ่งมั่นและการมีความหวัง ความรัก ความศรัทธา ชีวิตคนเราเริ่มจากศูนย์ ไปสู่สิบ ร้อย พัน หมื่น แต่แน่นอนที่สุดก็กลับคืนสู่ศุูนย์ การเวียนว่าย ตาย เกิด อันเป็นธรรมดาของมนุษย์ แต่ระหว่างนั้นคือการสร้างสะสมความดี ความทรงจำที่สวยงาม การมุมานะพยายามสร้างเนื้อสร้างตัว ฝันถึงสิ่งใดก็จงไปให้ถึงสิ่งนั้น ทุกสิ่งบนโลกใบนี้หากมองแล้วก็เหมือนจะดูเป็นไปไม่ได้แต่ก็เป็นไปได้ทั้งสิ้น
"ระหว่างทั้งคู่เหมือนมีความผูกพันพิเศษต่อกัน ความใกล้ชิดอย่างลึกซึ้ง ไม่มีสายตาคู่อื่นใดในโลกนี้อีกแล้วที่จะมองราชกุมารโดยไร้ความกังขา ไร้การตัดสิน ไร้คำวิจารณ์ ไม่ใช่สายตาของดอลลี่ สะหย่าจอนห์น และไม่ใช่ของดินนูแน่ๆ ในชัยชนะครั้งนี้ ไม่มีอะไรจะหอมหวานไปกว่าการได้กอบกู้ความเชื่อใจของเจ้าลูกชายกลับมาอีกแล้ว - หน้า 464"
เมื่ออ่านร้าวรานในวารวันจบค้นพบว่านี่เป็นนิยายชีวิตโดยสมบูรณ์แท้ Amitav Ghosh นักเขียนปลูกต้นเรื่องนี้จากเมล็ดพันธุ์ที่เกือบล่องหน เขาพาเราไปสู่โลกอีกใบจากจินตนาการ จากประวัติศาสตร์ จากคำบอกเล่า ชีวิตของตัวละครตัวไหนที่โลดแล่นอยู่นอกหน้ากระดาษบ้าง
อาจมีหรืออาจไม่มี โดยใช้เวลา 4-5 ปีในการค้นคว้าและลงมือเขียนนิยายเรื่องนี้ ส่วนเราใช้เวลาไม่กี่วันอ่านด้วยกระหายใคร่รู้ จนจบลง
สุดท้าย ร้าวรานในวารวัน นิยายหนากว่าหกร้อยหน้าก็ได้จารึกลงในใจ บันดาลให้เรารู้สึกอยากขับเคลื่อนนิยายที่เรากำลังเขียน ทุกวันเราจรดปลายนิ้วพรมลงบนแป้นพิมพ์ บรรจงร้อยเรียงตัวอักษรให้ร่ายรำทีละเล็กละน้อย ที่ยากคือการจับจิตที่ไม่อยู่นิ่งให้กลับมาจดจ่อกับหน้าจอ วันแล้ววันเล่า
และเราจะยังคงเขียน และเขียน ด้วยความหวังให้วันของเราเป็นวันพรุ่งอันรุ่งเรือง
เรื่องย่อ รีวิวอื่นๆ และการสั่งซื้อออนไลน์ของหนังสือร้าวรานในวารวัน