Lifestyle

Thai Food Happens in Malaysia

ในวิกฤติภาวะโรคระบาดโควิด-19 อะไรที่เราไม่เคยทำก็ได้ทำ หรือทำไม่ได้ก็ต้องทำให้ได้ ฉันผู้ซึ่งเคยใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรีก็ต้องมาติดอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมที่ประเทศมาเลเซีย นับเวลารวมแล้วก็สองเดือนกว่า ครอบครัวและเพื่อนฝูงออกอาการเป็นห่วงว่าจะได้กลับเมื่อไหร่ อยู่สุขสบายดีไหม ปลอดภัยหรือเปล่า แน่นอนว่า ฉันสบายดี 

ฉันอาศัยอยู่กับคู่หมั้นซึ่งย้ายมาจากทวีปยุโรปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ปกติแล้วฉันก็บินไปๆ มาๆ ประหนึ่งว่าเป็นนก แน่นอนว่า การที่ฉันติดอยู่ที่นี่เป็นเรื่องดีสำหรับเขา ส่วนสำหรับฉันในช่วงแรกก็รู้สึกดีใจที่ได้อยู่เป็นเพื่อนกัน เพราะถ้าฉันไม่ติดแหงกอยู่ที่นี่ เขาก็ต้องอยู่คนเดียว แต่แน่นอนว่าระหว่างความดีใจที่ได้อยู่ด้วยกันนั้น ฉันก็มีความกังวลใจด้วยห่วงใยคนที่บ้าน รวมทั้งการไม่รู้ชะตากรรมว่า จะได้กลับบ้านเมื่อไหร่ก็ทำให้หน้าตาไม่ค่อยจะยิ้มแย้มนัก กระทั่งเขาบอกว่า ที่นี่ก็เป็นบ้านของฉันเหมือนกัน ได้ฟังดังนั้นฉันก็รู้สึกอุ่นใจ อาการพะว้าพะวงทั้งหลายก็หมดไป ทำให้ฉันสามารถจดจ่อกับงานเล็กๆ น้อยๆ ที่สามารถทำผ่านออนไลน์ได้ ไม่อย่างนั้นฉันก็จะคอยเช็คข่าวตลอดเวลาจนแทบไม่เป็นอันทำอะไรนอกจากจะเป็นบ้า

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา หนึ่งในหน้าที่ประจำของฉันซึ่งเกิดมาก็ไม่เคยจะมีชื่อเสียงในด้านนี้สักเท่าไหร่ แต่ต้องมารับบทหนักในการเข้าครัว ทำให้ต้องขุดเอาความทรงจำที่เห็นแม่ทำกับข้าวอยู่ในครัวมาใช้ ทุกครั้งที่เข้าครัว ฉันจะคิดถึงแม่เสมอ แม่คอยทำกับข้าวให้พวกเรากินทุกวันไม่เคยเบื่อ ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่า การคิดเลือกเมนู การไปจ่ายตลาด การลงมือหั่นผัก หั่นหมู ตั้งกะทะ รอน้ำเดือด สารพันขั้นตอนการปรุงอาหารให้อร่อยนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

การทำอาหารไทยให้ฝรั่งกินท่ามกลางวิกฤติโควิดในประเทศที่เป็นอิสลามนับเป็นความท้าทายอันยิ่งใหญ่ ฉันผู้ซึ่งคุ้นเคยกับเมนูหมูมากที่สุด และอาหารโปรดก็คือหมูทอด รวมทั้งต้มกระดูกหมู เมื่อต้องลงมือทำเมนูไก่ๆ เนื้อๆ จึงต้องอาศัยสมาธิและฌานขั้นสูง อาหารวัยเยาว์ผ่านเข้ามาในความนึกคิด และไม่น่าเชื่อว่า ทำเมนูสำหรับมื้อเย็นซ้ำกันน้อยมาก

เมนูที่ฉันภูมิใจนำเสนอได้แก่ เมนูผัดข้าวโพด เป็นเมนูวัยเด็กที่นานๆ จะกินเพราะฉันรู้สึกว่ามันจืด แต่ ณ วันนี้ฉันกลับคิดถึงเมนูง่ายๆ จานนี้ ฉันจัดมาคู่กับเมนูกุ้งต้มกินกับน้ำจิ้มซีฟู้ด ฉันโขลกพริก โขลกกระเทียมเองกับมือในครกใบจิ๋ว กว่าจะได้น้ำจิ้มถ้วยน้อยๆ มือฉันแสบร้อนไปหมด กินกุ้งเสร็จฉันต้องรีบอาบน้ำแล้วเอาว่านหางจระเข้ทา 

นอกจากนั้นยังมีเมนูไก่ผัดขิงที่ไม่น่าเชื่อว่า ฉันจะทำได้ แล้วก็ทำไม่ยากเลย เลือกซื้อขิงอ่อน เนื้อไก่ เทน้ำมันเล็กน้อย ใส่กระเทียมสับ ไฟปานกลางแล้วก็ใส่ไก่ ผัดจนสุก เบาไฟปานกลางก่อนที่ไก่จะไหม้ แล้วจึงใส่ขิงลงไป ปรุงรสด้วยน้ำปลา ผัดน้ำมันหอยเล็กน้อย น้ำตาลทรายแดงดีดใส่ลงไปหน่อย ชิมให้ได้รสที่ชอบ เท่านี้ก็ได้เมนูเพื่อสุขภาพมากินกับข้าวสวยร้อนๆ 

หมูผัดกะปิกินคู่กับกระเจี๊ยบต้มกะทิ สูตรนี้ฉันก็คิดของฉันเอง แล้วมันก็ออกมาโอเค หมูผัดกะปิทำไม่ยาก เริ่มต้นด้วยสูตรเดิม ทุกอย่างที่เป็นผัด ฉันจัดกระเทียมลงไปก่อน แล้วตามด้วยเนื้อหมูซึ่งขอบอกว่าแพงมาก จัดมาแค่สองขีดจ่ายไปร้อยห้าสิบบาทหรือยี่สิบริงกิต คิดเป็นกิโลก็โลละเกือบแปดร้อยบาท จากนั้นก็จัดกะปิลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน ตบท้ายด้วยหอมหัวใหญ่ ไฟแรงปรุงรสตามชอบ ใส่น้ำลงไปให้เนื้อหมูนุ่มสักนิด กลิ่นกะปิยามนี้หอมที่สุด

ส่วนอีกเมนูที่เหมือนง่ายแต่ยากก็คือไก่ทอดสไปซี่ ฉันหมักไก่ทิ้งค้างคืนตามคำแนะนำของเพื่อน ใส่พริกแกงของมาเลเซียลงไปพร้อมน้ำปลา พริกไทย กะว่าต้องแซ่บที่สุด ผลสุดท้ายออกมารสชาติแค่เค็มกำลังดีแต่ไม่มีรสเผ็ด ยังโชคดีได้ความกรอบและหอมตามคำแนะนำในกระทู้ต่างๆ ที่บอกว่าให้ทอดไฟอ่อนก่อนจนสุกแล้วก่อนเอาลงให้เร่งไฟแรงเพื่อให้ไก่กรอบ ต้องกราบขอบพระคุณทุกความเห็นที่อยู่ในกูเกิ้ล บอกเลยว่าฝรั่งหัวใจไทยชอบมาก

หมดโควิดคราวนี้ ฉันก็ประกาศบอกคนรอบตัวได้อย่างเต็มปากเต็มคำแล้วว่า ทำอาหารเป็น เหลือก็แต่โขลกพริกแกงเอง และที่สำคัญฉันรู้แล้วว่าถ้าคิดถึงบ้านที่เมืองไทยวิธีแก้ก็แค่เดินเข้าครัว 

อะไรที่เราไม่เคยทำ หรือไม่แน่ใจว่าจะทำได้ดีไหม เอาเข้าจริง ถ้าเราต้องทำ และเราบอกตัวเองว่าเราทำได้ เราก็ทำได้จริงๆ

One thought on “Thai Food Happens in Malaysia

  1. กลิ่นกะปิหอมไกลมาถึงกรุงเทพฯ เลยค่ะ

Leave a Reply