สอบ ภาษาเยอรมัน
Diary

สอบวัดระดับ ภาษาเยอรมัน B1 Prüfung 12.01.2024

วันศุกร์ที่ 12 มกราคม สอบวัดระดับ ภาษาเยอรมัน ระดับ B1 หลังจากย้ายมาอยู่ได้ ราวๆ 7 เดือน ลงเรียนไปทั้งหมดสามคอร์สเป็นระยะเวลาสามเดือน A2.2 (กันยายนถึงตุลาคม) B1.1 (ตุลาคมถึงพฤศจิกายน) และ B1.2 พฤศจิกายนถึงธันวาคม ยังไม่รู้ผลหรอก แต่คนทำข้อสอบเองก็ย่อมรู้แก่ใจเนอะว่าทำได้แค่ไหน เอาเป็นว่ามั่นใจระดับ 80%

ฟัง-เป็นพาร์ทที่อ่อนแอที่สุด แต่วันนี้ทำได้โอเค ฟังเข้าใจมากขึ้น แต่เดาว่าก็ยังจะต้องมีผิดนั่นแหละ

อ่าน- เป็นพาร์ทที่เคยทำได้ดีตอนระดับ A1 แต่วันนี้เป็นพาร์ทที่ไม่มั่นใจเลยเพราะเงยหน้ามาอีกทีเหลือเวลาแค่ 15 นาทีแล้วยังเหลือข้อสอบอีกร่วมสิบกว่าข้อ มีเนื้อเรื่องให้อ่านอีกสามเรื่อง  พอตั้งสติได้ก็ค่อยๆ หาคีย์เวิร์ด สรุปคือไม่ได้อ่านเนื้อเรื่องทั้งหมด

เขียน-พาร์ทนี้กล้าๆ กลัวๆ แม้ว่าสามีจะให้กำลังใจและชมตลอดว่าเราเขียนเก่งเขียนดี

พูด-พาร์ทที่กังวลใจมากที่สุดกลับเป็นพาร์ทที่สนุกและรู้สึกว่าทำได้ดีที่สุด

เริ่มเรียน ภาษาเยอรมัน ครั้งแรกปี 2019 แล้วพอโควิดก็หยุดไปราวๆ สามปี กับสามีก็คุยแต่ภาษาอังกฤษ เริ่มจะใช้ภาษาเยอรมันคุยกันเยอะขึ้นก็สักเมื่อเดือนที่แล้วเหมือนเป็นการติวสอบไปในตัว สอบเสร็จก็เลยเขียนรีวิวไว้ในเฟสบุ๊กกลุ่มที่เขาฝึกพูดกัน เลยเอามาเก็บไว้ตรงนี้ด้วยเผื่อใครผ่านมาเจอ

สวัสดีค่ะ แม้ว่าจะไม่เคยฝึกกับกลุ่มนี้แต่เราก็มาคอยอ่านดูว่าเวลาใครสอบอะไรไป เจอข้อสอบแบบไหน วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์การสอบและแนวทางข้อสอบ G.A.S.T. ซึ่งสอบไปเมื่อวันศุกร์ที่ 12.01.2024 หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะคะ

ภาษาเยอรมัน พาร์ทฟัง Hören

พาร์ทฟัง เรากลัวพาร์ทนี้มากสุด ตอนสอบ A.1 เป็นพาร์ทที่เราทำได้แย่สุด แต่สำหรับเราครั้งนี้ไม่ยากมาก แต่ก็มีข้อที่ไม่มั่นใจเพราะไม่รู้คำศัพท์ ทำเสร็จ เจ้าหน้าที่ให้วางปากกาทันที มีเพื่อนในห้องไม่วาง พยายามทำต่อ เพราะคงยังไม่ได้กาบางข้อแบบเก็บไว้คิดก่อน เจ้าหน้าที่ดุเลยค่ะ ว่าคุณจะวางปากกาไหม ยอมเสียคะแนนแค่สองสามคะแนนหรือจะให้เชิญออกจากห้องไปไม่ต้องสอบต่อ ไม่ได้คะแนนอะไรเลย เค้าก็ยังไม่วางปากกานะคะ ไม่แน่ใจว่าฟังเจ้าหน้าที่ทันไหม เราเลยหันไปมอง เค้ามองมาที่เรา เราเลยเอามือกอดอกให้รู้ว่า ในมือไม่ให้ถือปากกานะ เค้าก็เลยยอมวางค่ะ

ภาษาเยอรมัน พาร์ทอ่าน Lesen

พาร์ทอ่าน ปกติเราจะอ่านได้เข้าใจและทำได้ดีกว่าพาร์ทอื่นโดยเฉพาะตอนสอบ A.1 แต่คราวนี้ ทำแทบไม่ทันค่ะ เงยหน้ามาอีกที เหลืออีก 15 นาที เพราะเรางมอยู่กับพาร์ทแรกและพาร์ทสองนานมาก และทำพาร์ทนี้ก็ห้ามย้อนกลับไปทำพาร์ทฟังนะคะ เจ้าหน้าที่เราเดินตรวจตลอด เห็นใครพลิกกระดาษคำตอบเค้าจะเดินมาดูเลยค่ะ

Teil1

พาร์อ่านแรกของเราเป็นการจับคู่กับบริการของ Standesamt ค่ะ เท่าที่จำได้ เช่น ถ้าต้องการเสียภาษีให้หมาต้องไปที่ไหน Hundesteuer ข้ออื่นๆ คือตอนแรกเหมือนเบลอไปเลยค่ะ อ่านเท่าไหร่ก็ไม่เข้าใจ พอตั้งสติได้กลับมาอ่านก็เข้าใจดีขึ้น ว่าถ้าอยากไปดูแผนผังเมืองจากมุมสูง จะไปขอดูได้จากแผนกไหน (Stadtteil, von oben Aussieht) แล้วก็มีจะยืมหนังสืออ่าน ไปแผนกไหน ข้ออื่นๆ จำไม่ได้ละค่ะ

Teil 2

พาร์ทจับคู่ใบประกาศ เป็นการจับคู่ของคนต่างด้าวที่ต้องการความช่วยเหลือต่างๆ กับใบประกาศ เข้าใจคำสั่ง แต่ใบประกาศมันคล้ายๆ กันหมดเลย คือมันจะไม่มีคำศัพท์ที่ตรงกันเป๊ะๆ นะคะ เราต้องรู้ความหมายศัพท์และจับคู่กันให้ถูก ตัวอย่างที่เราจำได้ เช่น ถ้ามาโครอยากทำกิจกรรมนันทนาการ (Unternehmen) เราก็ต้องไปดูว่า ใบประกาศไหนที่มีกิจกรรมให้ทำ ก็เจออันที่มีนัดร้องเพลง อ่านหนังสือ ดูหนัง (Lesen, Singen) หรืออย่างมาเรียจะไปหาหมอที่พูดภาษาของเธอได้ (Muttersprache) ก็ต้องไปจับคู่อันที่ประกาศที่มีบอกว่า หมอที่พูดภาษาอื่นได้ (Fremdspracher)

Teil 3

พาร์อ่านอีเมลแล้วตอบว่าประโยคที่ให้มาถูกหรือผิด อีเมลนี้คือ ผู้ให้เช่าส่งอีเมลมาบอกผู้เช่าว่า Treppenhaus สกปรกเค้าต้องจ้างบริษัทมาทำความสะอาด จะขอเก็บเงินเพิ่มคนละห้ายูโรนะ เราก็อ่านคร่าวๆ แล้วก็ไปหาคีย์เวิร์ดว่าเค้าถามอะไรแล้วก็ไปหาคำตอบจากในเมล อ่านไม่ทันค่ะ แต่โชคดีตอนฝึกทำข้อสอบเจอคำนี้เลยเข้าใจว่าหมายถึงอะไร

Teil 4

เป็นเนื้อเรื่องยาวมากค่ะ แต่คือจำไม่ได้เลยค่ะ เพราะไม่ได้อ่านทั้งเรื่อง อาศัยอ่านประโยคแล้วก็มานั่งไล่หาคีย์เวิร์ดจากเนื้อเรื่อง คล้ายๆ ว่าเป็นใบประกาศแจ้งจากทางบริษัทเรื่องการซ่อมแซมอุปกรณ์อะไรสักอย่างที่บ้าน ประโยคที่ถามว่าถูกหรือผิดคือ

คุณสามารถซ่อมแซมเครื่องนี้เองได้  // คุณห้ามวางเครื่องนี้ในที่ที่มีอุณหภูมิสูง เราก็ไปตามไล่ดูในเนื้อเรื่องเอาค่ะ ไม่มีคำศัพท์เป๊ะๆ ตรงกันนะคะ พาร์ทนี้คือเน้นศัพท์จะเป็น Synonym ค่ะ

Teil 5

พาร์ทแกรมม่าค่ะ เติมคำในช่องว่างจากสามตัวเลือกมีทั้งหมดห้าหรือหกข้อค่ะจำได้ไม่แม่น เน้นพวก Konjunktion ค่ะ เราจำเนื้อเรื่องได้ไม่เป๊ะแต่เป็นอีเมลที่เจ้าของบ้านส่งไปแจ้งบริษัทเรื่องว่าจะมีคนมาซ่อมอุปกรณ์อะไรสักอย่างที่บ้าน แต่เธอจะไม่อยู่บ้านให้ช่างเข้ามาเอากุญแจเย็นวันนี้อะไรสักอย่างนี่แหละค่ะ เราโชคดีที่ติวกับสามีก่อนสอบค่ะ เลยพอทำได้ เพราะเราคิดว่าสำคัญสำหรับการสร้างประโยคต่างๆ ในพาร์ทเขียนด้วย เราก็เลยพยายามฝึกทำความเข้าใจและฝึกสร้างประโยคอยู่บ่อยๆ Weil, damit, deshalb, wann, wenn, ob, sobald, trotzdem, obwohl, um..zu, aber ประมาณนี้ค่ะ

ภาษาเยอรมัน พาร์ทเขียน Schreiben

อ่านแค่โจทย์ข้อ A ก็แทบไม่ได้ไปอ่านโจทย์ข้อ B เลยค่ะ อ่านแว้บๆ ที่สำคัญอย่าลืมกากบาทว่าเลือกโจทย์ไหนนะคะ

A เพื่อนบ้านเล่นดนตรีเสียงดังให้เราเขียนจดหมายไปหาผู้ให้เช่า

Warum schreiben Sie?

Welches Musikinstrument?

Problem ist?

Was wollen Sie?

เพราะเราเคยฝึกเขียนจดหมายแนวๆ เพื่อนบ้านอยู่สองสามครั้ง แต่นึกคำศัพท์เครื่องดนตรีไม่ออกค่ะ แต่เราก็เลยเขียนไปว่าฉันไม่แน่ใจว่ามันคือเครื่องดนตรีอะไร รู้แต่ว่ามันดังมากจนฉันนอนไม่หลับค่ะ 555

B นัดเพื่อนไปดูคอร์สภาษาเยอรมันแต่เราไม่สบาย จำโจทย์ย่อยไมได้ค่ะ

ภาษาเยอรมัน พาร์ทพูด Sprechen

Vorstellung – แนะนำตัว ก่อนสอบเราเขียนใส่กระดาษเล่าเรื่องของตัวเองให้แล้วสามีตรวจแกรมม่าให้ค่ะ ก็เลยพูดคล่อง เจ้าหน้าที่ก็จะถามเกี่ยวกับเรื่องที่เราพูดค่ะ เช่น เราบอกว่าเรามีไปเลี้ยงเด็ก เค้าก็ถามว่า ไปเลี้ยงเด็กทำอะไรบ้าง แล้วก็อาชีพอื่นที่เยอรมันสนใจจะทำอะไร แล้วหาข้อมูลที่ไหนอย่างไร พาร์ทเนอร์เราเจ้าหน้าที่ถามว่า เวลาว่างชอบทำอะไร เค้าตอบว่าชอบไปเที่ยว เจ้าหน้าที่ก็ถามต่อว่าที่ไหน แล้วชอบที่ไหนมากสุด

Bildbeschreibung

เราเล่าเรื่องคนแรกค่ะ ได้รูปคนสี่คนนั่งรออะไรสักอย่าง ตอนแรกเราก็อธิบายว่ามีคนสี่คนนะแต่งตัวอะไรบลาบลาบลา เจ้าหน้าที่ตัดจบค่ะ แล้วถามว่า พวกเขาอยู่ไหน ทำอะไรอยู่ เธอเคยเจอสถานการณ์เดียวกับพวกเขาไหม เจอแล้วเป็นยังไง แล้วที่บ้านเกิดเธอเธอต้องรอนานไหม ระหว่างที่นี่กับบ้านเกิดเธอที่ไหนรอนานกว่ากัน ตอนรอน่าเบื่อไหม เธอทำอะไรระหว่างรอ ส่วนพาร์ทเนอร์เรา เจอรูปภาพคนยืนต่อคิวรอรถเมล์ ตัดจบเหมือนกันค่ะ แล้วเจ้าหน้าที่ก็ถามเลย แต่เค้าจะตอบไม่ค่อยได้ อย่างเช่น เจ้าหน้าที่ถามว่า ที่บ้านเกิดเธอคนรอรถเมล์ทำอะไรบ้าง เค้าก็ตอบว่า ไม่ต้องรอรถเมล์ หรือเจ้าหน้าที่ถามว่า ถ้าต้องรอแล้วเล่นมือถือกันไหม พาร์ทเนอร์ตอบ Nein เจ้าหน้าที่ก็ได้แต่โอเคพยักหน้า ซึ่งเราก็รู้ว่าเค้าน่าจะฟังไม่ค่อยออกเพราะมันไม่เมคเซนส์ที่คนเราสมัยนี้จะยืนรอโดยไม่เล่นมือถือหรือทำอะไรเลย ถึงแม้ว่าจะฟังคำถามไม่ออก ก็บอกให้เค้าพูดช้าๆ หรือลองเล่าประสบการณ์ส่วนตัวไปเลยค่ะ ถ้าได้พูดเป็นคนที่สอง ฟังเพื่อนพูดแล้วคิดตามเลยค่ะว่าเรามีประสบการณ์อะไรยังไง เพราะจะได้รูป Thema เดียวกันค่ะแค่รูปต่างกัน

Gemeinsam etwas planen

เราวางแผนเรียนดนตรีกับเพื่อนค่ะ เราเป็นคนถามนำก่อนค่ะ จะเรียนอะไรกันดี ก็สรุปว่าจะเรียนกีตาร์ทั้งคู่ ส่วนโรงเรียนเราบอกว่าเรารู้จักอยู่ที่นึงใกล้ๆ บ้าน เพื่อนบอกว่า จะไปหาข้อมูล แล้วเราก็ถามว่าวีคนึงจะเรียนบ่อยแค่ไหน อันนี้เพื่อนตอบเราไม่ได้อาจจะฟังเราไม่ออกตามสำเนียงไทยๆ 55 เราเลยยกตัวอย่างว่า สัปดาห์ละวันหรือสองวัน เพื่อนบอกว่างั้นห้าวัน เราบอกว่า Ich bin dagegen! Ich muss arbeiten. เจ้าหน้าที่หัวเราะเลยค่ะ แล้วก็ตัดจบ ไม่ได้ทันได้ไปหัวข้อต่อไป แล้วก็จำโจทย์ได้แค่นี้ด้วย

Welches Musikinstrument?

Wollen beide dasselbe?

Wo, Wann, Wie Oft?

สรุปสำหรับเรากลายเป็นว่าสอบวัดความรู้ ภาษาเยอรมัน ระดับ B1 Prüfung พาร์ทอ่านคือพาร์ทที่ยากที่สุดค่ะ เพราะอ่านไม่ทัน และศัพท์ก็ยาก เพื่อนๆ ก็อย่าลืมดูเวลานะคะ ส่วนพาร์ทพูด เราเตรียมตัวไปได้ค่ะ อย่างน้อยก็พาร์ทแนะนำตัวให้แกรมม่าเป๊ะๆไว้เป็นการสร้าง First Impression และประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับเมืองไทย ส่วนพาร์ทเขียนก็ฝึกเขียนไปเยอะๆ ค่ะ เราฝึกเขียนเป็นสิบฉบับ โชคดีที่ได้จดหมายใกล้เคียงกับที่เคยฝึกเขียนไปบ้าง พาร์ทฟังก็ตามแต่ประสบการณ์ของแต่ละคนและคำศัพท์ในหัว และอย่าลืมว่าสิ่งสำคัญก็คือการที่เราฟังเจ้าหน้าที่ในห้องสอบและตอบคำถามได้ สามารถโต้ตอบกับเขาได้ และพยายามพูดให้ถูกหลักไว้ พูดช้าๆ ไม่ต้องรีบ สบตาผู้พูด ไว้ผลสอบออกจะมาแจ้งผลนะคะยังไงก็ขอให้เพื่อนๆ ทุกคนโชคดีนะคะ

Photo by rashid khreiss on Unsplash

Leave a Reply