ภาษาเยอรมัน ยากไหม ? ประสบการณ์เรียนในห้องเรียนที่ประเทศเยอรมนี
ในห้องเรียน ภาษาเยอรมัน ครูบอกว่าให้เขียนคำแนะนำอะไรก็ได้มาหนึ่งอย่าง เลยเขียนไปว่า Du solltest tun was du liebst oder liebe was du tust. แปลเป็นไทยได้ว่า เราควรทำในสิ่งที่รัก หรือรักในสิ่งที่ทำ ครูเขียนตอบกลับมาว่า Was immes du tust, das tue von Herzen. ไม่ว่าทำอะไร ให้ทำด้วยใจ
ภาษาเยอรมัน ยากไหม ขอตอบเลยว่า ยาก เราเริ่มเรียนครั้งแรกเมื่อปี 2019 แล้วก็หยุดเรียนไปเพราะโควิด กลับมาเรียนอีกทีปลายปี 2022 พอได้ย้ายมาอยู่เยอรมันปี 2023 ทำแบบทดสอบได้เริ่มต้นที่ระดับ A2.2 ถามว่าเหนื่อยไหม สนุกไหม จำได้ว่า มีท้อ มีหวัง มีแรง หมดแรง ปะปนกันไปหมด แต่ก็ยังไม่หยุด ไม่คิดจะเลิกเรียนเพราะเรายังต้องอยู่ประเทศนี้อีกนาน และการที่สามารถพูดได้สามภาษาก็เท่ไม่น้อย ขอแบ่งปันประสบการณ์การเรียนที่โรงเรียน VHS (Volkshochschule) หรือโรงเรียนสอนผู้ใหญ่นั่นเอง
ภาษาเยอรมัน ยากไหม ประสบการณ์เรียนวันแรกที่ VHS
วันแรกเลยตื่นเช้า เตรียมอาหารเช้า แล้วก็ตั้งใจไปถึงโรงเรียนเร็วนิดนึง นั่งรถไฟเที่ยว 7.56 แล้วก็เดินไปโรงเรียนประมาณสิบห้านาที เพื่อนร่วมชั้นมีทั้งหมด 25 คนซึ่งถือว่าเยอะมาก ในเว็บไซต์เขียนไว้ว่า 20 คน ครูผู้สอนเองก็บอกว่าเยอะ วันแรกให้ทุกคนแนะนำตัวกับเพื่อนที่นั่งข้างๆ แล้วออกมาแนะนำว่าเพื่อน ชื่อ มาจากประเทศไหน อาศัยอยู่ที่เมืองอะไร ทำอาชีพอะไร และมีแผนชีวิตอะไรบ้าง เพื่อนที่เราแนะนำชื่อ วาเลนตินา มาจากยูเครน อาศัยอยู่ที่ไฮเดลแบร์ก อยู่ที่เยอรมันมาหนึ่งปีแล้ว เคยทำอาชีพเป็นผู้จัดการฝ่ายขาย ตอนนี้ไม่ได้ทำงาน วางแผนว่าจะเรียนภาษาเยอรมันแล้วจึงหางาน เพื่อนส่วนใหญ่ในห้องมาจากยูเครนก็ร่วมยี่สิบคน ที่เหลือก็จะมีเราจากไทย สาวญี่ปุ่น สองสาวสเปน และหนึ่งหนุ่มอูเบซกีสถาน ถ้าจำไม่ผิดนะ หลังจากนั้นก็เรียนจากหนังสือ แต่เราและวาเลนตินายังไม่มีหนังสือ ก็ต้องออกปากขอยืมจากเพื่อนในห้อง
ครูสอนเป็นภาษาเยอรมันทั้งหมด ก็เข้าใจโอเค แต่บางทีก็ฟังไม่รู้เรื่อง คนเยอะบางทีคุยกันในห้องก็เสียงดังกลบเสียงครู พักเบรกสองครั้ง สอนสิบโมงกับตอนเที่ยง ครั้งละประมาณสิบนาที เราเอากล้วยไปกินแล้วก็อินทผาลัม กับน้ำหนึ่งขวด การบ้านมีทั้งในแบบฝึกหัดและให้เขียนบทความสั้นๆ เรื่อง Mein Plan หรือแผนของฉัน ครูให้เล่าว่าตั้งใจว่าจะทำอะไรบ้างในประเทศเยอรมนี ย้อนกลับมาถามตัวเองว่า ภาษาเยอรมัน ยากไหม ก็ยังตอบเหมือนเดิมว่า ยาก แต่สนุกมากที่ได้คิดได้เขียน
พอเลิกเรียนก็เลยดิ่งไปร้านหนังสือในเมืองเก่า นั่งรถแทรมไปประมาณห้านาที เจอเพื่อนในคลาสอีกสองคนก็มาซื้อเหมือนกัน นอกจากนั้นก็ได้นิยายมาหนึ่งเล่ม สมุดอีกสามเล่ม การ์ดอีกสองแผ่น สามีให้ตังมาห้าสิบยูโร ทั้งหมดหกสิบยูโรก็เลยใช้บัตร เสร็จแล้วก็ไปร้านขายเครื่องสำอาง ไปซื้อครีมนวดกับเติมเงินอินเทอร์เนตพร้อมน้ำหนึ่งขวด หมดไปอีก ยี่สิบกว่าเหรียญ อันนี้ใช้เงินสด แล้วก็นั่งแทรมกลับมาที่สถานีรถไฟขึ้นรถไฟกลับบ้าน แวะซื้อน่องไก่กลับมากิน
ชีวิตหลังเลิกเรียน ภาษาเยอรมัน วันแรก
กลับถึงบ้านก็อาบน้ำสระผม กินไก่กับสเปซี่ เป็นน้ำดำผสมกับน้ำส้ม อร่อยดีชอบ แล้วก็คุยซูมกับครูสอนศิลปะเพื่อการเยียวยาท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นมาสเตอร์ด้านศิลปะบำบัด เราไปเจอจากกลุ่มคนไทยในเยอรมนีในเฟสบุ๊ก สรุปว่าได้งานมาหนึ่งชิ้น ทำหน้าที่ถอดบทเรียนจากที่คอร์สสอนออนไลน์ ก็คาดว่าจะมีงานทำไปทุกเดือนอย่างน้อยสี่เดือน หลังจากนั้นก็โทรคุยกับเจ้านายเก่าที่เมืองไทย เกี่ยวกับงานเขียนบทความ เราก็เสนอไอเดียคอลัมน์ต่างๆ มื้อเย็นวันนี้ทำผัดผักหมูสับ แล้วไปเดินเล่นที่ไร่ไวน์ โทรคุยกับแม่ของเด็กที่สมัครงานพี่เลี้ยงเด็กไว้ สรุปนัดเข้าไปคุยสัมภาษณ์วันพุธตอนบ่ายสอง
สรุปว่าวันอังคารซึ่งเป็นวันแรกแห่งการเรียนก็ยังเป็นวันแรกแห่งการกลับมารับงานเขียนหลังจากว่างไปหนึ่งเดือน แล้วก็งานพี่เลี้ยงเด็ก คืนนั้นนอนไม่ค่อยหลับแถมปวดหัวอีกต่างหาก คาดว่าเกิดจากการใช้สมองมากกว่าปกติในรอบเดือน และสายตาที่ผิดปกติ – วันนี้ใส่ชุดเดรสผ้ายืดเรียบๆ สีเทา อากาศตอนเช้าเย็นสดชื่น ตอนบ่ายฝนตกนิดหน่อยแต่แดดออก
ภาษาเยอรมัน ยากไหม ประสบการณ์เรียนวันที่สองที่ VHS
วันที่สองของการเรียน วันนี้ตื่นเช้าเหมือนเดิมหกโมง ทำการบ้าน เตรียมอาหารเช้าของตัวเอง แล้วก็เตรียมเอาสลัดผักใส่กล่องให้สามีไปกินที่ทำงาน แต่ไปสายกว่าเดิม ชุดไปเรียนวันนี้ เราใส่ชุดเดรสผ้าฝ้ายหนาทรงโอเวอร์ไซส์ลวดลายโอเรียนทอล อากาศเย็นๆ เมฆครึ้ม ได้ขึ้นรถเที่ยว 8.22 ถึงห้องเกือบเก้าโมง ที่นั่งเดิมมีคนนั่งแทนแล้วเราก็นั่งแถวหลังถัดมา แต่พอวาเลนตินามาถึงก็โวยวายว่าทำไมไม่นั่งที่เดิมหรอ คนที่นั่งแทนที่เดิมเมื่อวานก็ทำท่าจะลุกให้ แต่วาเลนตินาก็บอกไม่เป็นไร แต่ดูรู้เลยว่าเธอไม่สบอารมณ์ แล้วทั้งคลาสเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันเท่าไหร่ เพราะหน้าตาเธอไม่จอย เราก็เรียนของเราไป และวันนี้ไม่มีจับคู่คุย แต่เราได้ออกไปพรีเซนต์หน้าชั้น ครูเดินมาเรียกให้ออกไปสนทนากับเพื่อนอีกคนนึง
ระหว่างพักเบรคได้คุยกับเพื่อนชาวอูเบสกิซสถาน เค้าถามว่าเรามาจากประเทศอะไร เรียนภาษา A2.1 ที่ไหน ทำงานอะไร ก็สัมภาษณ์นิดหน่อย แต่ลืมถามชื่อ วันนี้ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น แต่เรียนเยอะขึ้น ดูจริงจังเข้มข้นกว่าเมื่อวาน พักเบรกนานขึ้นตอนสิบโมงครึ่งถึงสิบเอ็ดโมง การบ้านเยอะ ก็กินกล้วยเหมือนเดิม ตอนเบรกรอบสองได้คุยกับสาวญี่ปุ่นนิดหน่อย เลยได้รู้ว่าชื่อโทโมมิ เลิกเรียนวันนี้ตรงดิ่งไปสถานีรถไฟ แวะร้านหนังสือซื้อมาร์กเกอร์สมความตั้งใจ ปกติไม่ค่อยใช้แต่รู้สึกว่าน่าจะช่วยได้กับหลายสิ่งหลายกฎที่ต้องจดจำ
ชีวิตหลังเลิกเรียน ภาษาเยอรมัน
กลับถึงบ้านวันนี้กินสลัดผัก สามีทำไว้ให้ตั้งแต่เมื่อคืน เริ่มทำงานถอดบทเรียนให้ครูสอนศิลปะ โทรคุยกับเจ้านายที่ไทยเกี่ยวกับงานเขียนและจิปาถะ ตอนเย็นกินผัดผักบรอกโคลีกับข้าวสวย สองทุ่มขับรถไปเมืองเก่า จะไปคลับกีฬาของเมือง สามีอยากเล่นปิงปอง แต่ไปถึงคนเต็มหมดก็เลยเดินเล่นนิดนึงแล้วกลับบ้านมากินไอติม ดูหนัง อ่านนิยาย และนอน
ภาษาเยอรมัน ยากไหม ประสบการณ์เรียนวันอื่นๆ ที่ VHS
บางวัน ตั้งใจจะไปเร็วกว่าเดิม แต่เรื่อยเปื่อยสรุปได้ไปรถไฟรอบ 8.22 รถไฟมาเลท 8.29 ถึงห้องเรียนพอดีเก้าโมง ก็ได้นั่งแถวสามเหมือนเมื่อวาน แต่วาเลนตินาไปนั่งหน้าสุดเลยวันนี้ เลยได้รู้จักเพื่อนใหม่เพิ่มชื่อ โอเลน่า กับ อาโลน่า มาจากยูเครนเหมือนกัน ครูให้ทำแบบฝึกหัดนอกเหนือจากสมุด ก็ช่วยกันกับโอเลน่า แล้วก็มีจับคู่สร้างบทสนทนาเกี่ยวกับการโทรศัพท์ไปขอข้อมูลเกี่ยวกับคอร์สการเรียนที่ตัวเองสนใจ ได้จับคู่กับเพื่อนที่นั่งข้างหน้าชื่อ ซานดร้า แล้วอ่านให้เพื่อนในห้องฟัง ก็ได้คำชมจากครูว่า Sehr Gut แปลว่า ดีมาก
ภาษาเยอรมัน ยากไหม ยากแต่ต้องเดินหน้าต่อไป
การตื่นไปเรียนภาษาเยอรมันทุกวันตลอดสามเดือนเมื่อปลายปี 2566 ถ้าไม่มีความตั้งใจและความมุ่งมั่น
ก็คงทำไม่ได้ เราเองก็ไม่ใช่คนขยันนัก แล้วก็ห่างหายจากการมีระเบียบวินัยมาอย่างยาวนาน เพราะไม่ได้ตื่นเช้าแล้วออกเดินทางทุกวันแบบนี้มาเป็นเวลาเกือบสิบปี เมื่อต้องตื่นหกโมงเช้า เตรียมอาหารเช้าให้ตัวเองและสามี ออกจากบ้านเจ็ดโมงครึ่งเดินไปสถานีรถไฟทุกวัน จากสถานีรถไฟเดินไปโรงเรียน เริ่มเรียนเก้าโมงถึงบ่ายโมง ตอนบ่ายเรียนเสร็จบางวันก็ไปรับจ้างเลี้ยงเด็ก กลับมาก็เป็นแม่บ้านทำกับข้าว ตอนค่ำก็เป็นนักเรียนทำการบ้าน ตกดึกก็นั่งเขียนงานส่งที่เมืองไทย ก็เลยต้องปรับตัวกันยกใหญ่
ใครเป็นสะใภ้ต่างชาติที่ต้องเรียนภาษาเพิ่มเติมคงเข้าใจชีวิตแบบนี้ ทุกอย่างเราเลือกเอง เลือกด้วยความรัก เลือกด้วยความรู้สึกดีๆ และพบว่าทุกอย่างที่ทำจากใจก็ย้อนกลับคืนมาเป็นวัตถุดิบหล่อเลี้ยงให้ใจชุ่มชื่น และยังหล่อเลี้ยงชีวิตเรากับคนรอบตัวอีกด้วย
การมาใช้ชีวิตที่เยอรมัน นอกจากจะต้องเรียนภาษาแล้ว เรายังต้องไขว่คว้าหาความรู้มาเพิ่มเติม สิ่งที่เรียนมาทั้งหมดอาจไม่มีความหมาย อาจไม่ได้ใช้ในการทำงาน สำหรับเรา ได้ค้นพบสิ่งที่รักอีกหนึ่งอย่าง “งานศิลปะ” เป็นการค้นพบสิ่งใหม่ที่ทำให้ใจมันอิ่มเอม เหมือนเราตามล่าหาสมบัติ แล้ววันหนึ่งก็มีผู้ชี้ทางสว่างให้เราได้ค้นพบขุมทรัพย์ ที่เหลือก็เป็นหน้าที่เราที่ต้องขุดค้นต่อไป ว่าสมบัติชิ้นนั้นจะมีค่าและใช่สิ่งที่เราต้องการหรือไม่
แล้วพบกับบันทึกใหม่อีกครั้งเกี่ยวกับเรื่องราวของศิลปะในวันที่พร้อมจะส่งต่อความรู้เพื่อเยียวยาผู้อื่นต่อไป