น้ำใจ
Diary

ความมี น้ำใจ เรื่องธรรมดาสามัญหรือพิเศษ

ฉันเริ่มไม่แน่ใจว่า การมี น้ำใจ เป็นเรื่องดีหรือเปล่า

ฉันเอาเรื่องของคนอื่นที่เดือดร้อนเก็บมาเป็นเสมือนหนึ่งความเดือดร้อนของตนเอง แต่ก่อน ใครมีปัญหา ถ้าวิ่งมาหาฉัน ฉันจะหาวิธี แนะนำว่าควรทำอย่างไร พอโตขึ้นมาก็ได้ยินว่า เราควรหยิบยื่นช่วยเหลือเฉพาะคนที่เขาต้องการ และฉันก็เริ่มไม่แน่ใจว่า ผู้คนต้องการความช่วยเหลือจากฉันหรือไม่

เวลาฉันจะช่วยเหลือใคร น้องสาวฉันมักจะพูดว่าไม่ต้อง และคอยห้ามปรามเสมอ ไม่ต้องหรอก อย่าไปยุ่ง คือจะมีคำว่า ไม่ ออกมาจากปากของน้องสาวเสมอ ครั้งหนึ่งฉันโกรธมากที่ฉันตั้งใจจะช่วยคนๆ หนึ่ง แล้วน้องสาวก็บอกว่า จะไปช่วยทำไม ไม่จำเป็นต้องไปมี น้ำใจ หรอก ยิ่งโดยเฉพาะคนแปลกหน้า หรอก คนที่อาจจะเป็นญาติห่างๆ หรือเป็นคนวงรอบนอก แต่สำหรับฉัน เราคือเพื่อนมนุษย์ เป็นคน มีหัวจิตหัวใจ ต้องการความเอื้ออากร ความเมตตากรุณาต่อกันทุกคน

ฉันเลยสั่งสอนน้องไป น้ำใจ น่ะมีไหม ก็ดูเหมือนน้องจะเสียงอ่อนลงบ้าง แต่คำว่าไม่ของน้อง ก็เริ่มสั่นคลอนและทำให้ฉันลังเลไม่น้อย แต่ด้วยสันดานเดิมของฉันเอง ที่มีเพื่อนฉันบางคนเคยพูดจาประชดประชันเพราะอาจจะไม่เข้าใจว่าฉันจะใจดีอะไรได้ขนาดนั้น เลยทำให้ฉันก็ยังคงทำเหมือนเดิม

เพียงแต่หลังๆ ถ้าเพื่อนแค่โทรมาบ่น ไม่ได้เอ่ยปากว่าอยากให้ช่วยอะไร ฉันก็จะแค่รับฟังมากขึ้น ไม่แนะนำทางออกหรือวิธีแก้ปัญหาให้ใคร แต่ถ้าใครขอให้ฉันช่วย เอ่ยปากมาแค่นิดนึง ฉันก็ทำประหนึ่งเหมือนฉันเป็นผู้ต้องการความช่วยเหลือนั้นเสียเองเหมือนเดิม

มีคนรอบตัวส่วนใหญ่ที่ฉันสังเกตเห็น เวลาฉันเอ่ยปาก ขอให้ช่วยอะไร ก็จะบ่ายเบี่ยง หรือบ้างก็ใช้วิธีเพิกเฉย จะเรียกว่าไม่มี น้ำใจ ได้ไหม ยกตัวอย่าง ป้าฉันคนหนึ่ง เวลาที่ฉันขอให้ลูกเค้าช่วยเหลือแม้เพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งมันอาจจะไม่เล็กน้อยสำหรับเขา เช่น ฝากเอาต้นไม้ใส่รถกระบะมาให้ด้วย ช่วยถ่ายวิดีโอในงานศพญาติให้หน่อย ป้าฉันก็จะปฏิเสธทุกครั้งไป หาเหตุผลที่ทำให้เรารู้สึกว่า ลูกเขาไม่สะดวกที่จะทำให้ ฉันคิดเอาเองว่า อันนี้เป็นความรักของแม่ที่ทำให้เกิดความเห็นแก่ตัว อะไรที่ทำให้ลูกลำบาก อะไรที่ต้องไปเอ่ยปากลูก เขาจะไม่ทำ เป็นการปกป้องลูกโดยอัตโนมัติ ดังนั้น ถ้าฉันต้องการความช่วยเหลือจากลูกพี่ลูกน้องโดยตรง ฉันจะพูดเอง และดูเหมือนว่า เขาเหล่านั้นก็จะทำให้ ไม่รู้หรอกว่าเต็มใจหรือไม่ ฉันถือว่า เราควรช่วยเหลือกัน ที่สำคัญ ไม่ได้บ่อย และไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรง

ป้าฉันเป็นคนรักลูกมาก รักจนทำให้กลายเป็นความเห็นแก่ตัว และทำไปโดยไม่รู้ตัว ในขณะที่ป้าเองก็มาขอความช่วยเหลือจากครอบครัวฉันบ่อยๆ เมื่อป้าเอ่ยปาก เราไม่เคยปฏิเสธ หรือแม้กระทั่งไม่ต้องเอ่ยปาก ฉันก็มักจะเสนอตัวเองด้วยซ้ำ ถ้าฉันทำได้ ฉันช่วยได้ ฉันจะทำให้ หรือแม้ทำให้ไม่ได้ ฉันก็จะหาคนไปทำให้

มันก็มองได้หลายมุมเหมือนกันว่าคนอย่างฉันเป็นพวกมี น้ำใจ เสือก จุ้นจ้าน เอาหน้า นางฟ้า แม่พระ แม่คนดี จะเรียกว่าอะไรก็ตาม

เรื่องนี้ติดอยู่ในใจฉันมานานพอสมควร เราไม่ควรช่วยเหลือกันคือบรรทัดฐานของสังคม การไม่มี น้ำใจ เป็นเรื่องปกติทั่วไป หรือเราแค่มีน้ำใจเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้น แต่สำหรับญาติกัน คนข้างบ้าน เพื่อนสมัยเรียน ก็ปล่อยให้เขาช่วยเหลือตัวเองไป เรื่องนี้ไม่เคยมีใครสอน หลายเรื่องฉันจะจำได้ว่า พ่อบอกไว้แบบนี้ แม่สอนแบบนี้ ยายสอนแบบนี้ หรือครูสอนแบบนี้ แต่ความมี น้ำใจ นี้ ทำให้นึกไปถึงข้อความจากการอ่านหนังสือเล่มนึ่ง เป็นบทละครเรื่องเวนิสวาณิช บทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ซึ่งจำได้ขึ้นใจเอาไว้สำหรับเตือนตัวเองเพื่อไม่คาดหวังความช่วยเหลือจากใคร

“อันความกรุณาปรานี จะมีใครบังคับก็หาไม่

หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แดนดิน”

มันก็จริงตามนั้นแหละ ขนาดฉันสอนน้องสาวไปหลายต่อหลายครั้ง เวลาฉันจะช่วยเหลือใคร หรือหาวิธีช่วยเหลือใครให้วุ่นวายน้องก็ยังยืนหยัดคำว่า ไม่ต้อง ส่วนฉันก็คงต้องคงสันดานเดิมต่อไป เดาว่าเคยเกิดเป็นนางฟ้า เลยมีหน้าที่เสกสายฝนให้โปรยในวันที่ฟ้าแห้งผากอยู่อย่างนั้น เป็นความชุ่มชื้นเล็กๆ น้อยๆ ให้โลกนี้ในวันที่ น้ำใจ อาจไม่จำเป็นแล้ว

Feature Photo by Didier Bn on Unsplash

Leave a Reply